ชื่อองค์ความรู้ : แนวทางในการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interests)
วันที่ เดือน พ.ศ. ที่เผยแพร่ : –
ผู้เชี่ยวชาญ/ผู้รู้/หน่วยงานเจ้าของความรู้
ชื่อ-นามสกุล | : |
นายประมวล เฉลียว นางสาวกัญญา มะระสี |
กลุ่มงาน | : | กลุ่มนิติการ |
กอง | : |
– |
โทรศัพท์ | : | |
: | legalonep@gmail.com |
อธิบายความเชื่อมโยงขององค์ความรู้นี้กับภารกิจของสำนัก/กอง/กลุ่ม
เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและแนวทางในการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อน อันเป็นกลไกหนึ่งในการปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติและมีผล ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน
Key Words ขององค์ความรู้
#ผลประโยชน์ทับซ้อน
#ผลประโยชน์ขัดกัน
#ของขวัญ
สาระสำคัญขององค์ความรู้
ความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนทั้งที่เกี่ยวกับเงินและที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ กับผลประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะ (Conflict of Interests) เป็นสถานการณ์ที่บุคคลในฐานะพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้ตำแหน่งหรืออำนาจหน้าที่ในการแสวงหาประโยชน์แก่ตนเอง กลุ่ม หรือพวกพ้อง ซึ่งเป็นการละเมิดทางจริยธรรม และส่งผลกระทบหรือความเสียหาย ต่อประโยชน์สาธารณะ คำอื่นที่มีความหมายถึงความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม ได้แก่ การมีผลประโยชน์ทับซ้อน ความขัดกันระหว่างผลประโยชน์ของผู้ดำรงตำแหน่งสาธารณะ และรวมถึงคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย คอร์รัปชั่นสีเทา
เจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ไม่สนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทุกรูปแบบ และจะต้อง ให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และจัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ
เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องห้ามมิให้กระทำการตามมาตรา 100 และมาตรา 103 และให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมาแล้วยังไม่ถึงสองปีต้องห้ามมิให้กระทำการดังกล่าวข้างต้นด้วย
เจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
กฎหมายกำหนดห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา เช่น รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากญาติ ซึ่งให้โดยเสน่หาตามจำนวนที่เหมาะสมตามฐานานุรูป รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ญาติ โดยมีราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่การให้นั้นเป็นการให้ในลักษณะให้กับบุคคลทั่วไป และการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ให้มิได้ระบุให้เป็นของส่วนตัวหรือมีราคาหรือมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ไม่ว่าจะระบุเป็นของส่วนตัวหรือไม่ แต่มีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องรับไว้เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล หากมีความจำเป็นต้องรับไว้ให้รายงานรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยทันทีที่จะทำได้ ผู้บังคับบัญชาอาจใช้ดุลพินิจพิจารณาและมีคำสั่งให้ยึดถือทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวนั้นไว้เป็นประโยชน์ ส่วนบุคคล หรือให้ส่งคืน หรือให้ส่งมอบทรัพย์สินให้หน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นสังกัดก็ได้ การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดตามข้อห้าม หรือการไม่รายงานเมื่อได้รับทรัพย์สินที่กฎหมายห้ามไว้ หรือการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำความผิดมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒
กำหนดให้คดีอาญาที่เจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด หรือร่วมกับเอกชนกระทำผิด เช่น ฮั้วประมูล คดีแพ่งที่ขอให้ริบทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน คดีความผิดฐานฟอกเงิน คดีร่ำรวยผิดปกติ และคดีเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ไม่ว่าจะเป็นคดีสำนวนของ ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. หรือคดีที่ประชาชนผู้เสียหายฟ้องร้องเอง ให้ยื่นฟ้องและพิจารณาโดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ |